ลูกคือสิ่งที่มีค่าสูงสุดของพ่อแม่ ผมเชื่อว่าทุกครอบครัวนอกจากจะเลี้ยงดูลูกด้วยความรักแล้ว ยังมีความคาดหวังที่จะสร้างให้ลูกของตนเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด รอบรู้ และอารมณ์ดี แม้ความฉลาดของเด็กบางคนอาจมาพร้อมกับพรสวรรค์ แต่หลายๆ ครั้งที่ความฉลาดก็มาพร้อมกับพรแสวงของเด็ก และการปลูกฝังหล่อหลอมจากพ่อและแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็กซึ่งวัยเป็นที่กำลังเรียนรู้ และมีพัฒนาการทางสมอง จึงเป็นวัยเหมาะสมที่พ่อแม่จะสร้างสรรค์ให้ลูกของตนเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความสุข
ศาสตราจารย์โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เจ้าของทฤษฏี “พหุปัญญา” ได้แบ่งความฉลาดของมนุษย์ไว้ทั้งหมด 8 ด้านตามทฤษฎี อันประกอบไปด้วย ความฉลาดด้านภาษา ด้านคณิตศาสตร์และตรรกะ ด้านดนตรี ด้านร่างกาย ด้านมิติสัมพันธ์ ด้านมนุษย์สัมพันธ์ ด้านการเข้าใจตนเอง และด้านรู้จักธรรมชาติ ซึ่งแต่ละด้านต่างมีความสำคัญเท่าเทียมกัน และเด็กแต่ละคนก็มีความถนัดในแต่ละด้านแตกต่างกันด้วย
พ่อและแม่จึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในการพัฒนาความฉลาดของลูกในด้านต่างๆ ได้แก่ พัฒนาความฉลาดของลูกด้านภาษา ผ่านการฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน ตลอดจนการให้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้จากช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ สารานุกรม หรือห้องสมุด เป็นต้น ด้านคณิตศาสตร์และตรรกะ ด้วยการฝึกให้ลองคิดหาเหตุผล ตลอดจนตั้งโจทย์คำถามให้ลูกๆ ได้ลองแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง ด้านดนตรี ให้ลูกๆ ได้ฟังเพลงโดยให้วิเคราะห์พิจารณาถึงท่วงทำนอง จังหวะ และรูปแบบการบรรเลงดนตรีในลักษณะต่างๆ กัน ด้านร่างกาย ฝึกโดยการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย การทดลองทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ด้านมิติสัมพันธ์ ให้ลูกๆ ได้สัมผัสและลองเล่นภาพ ของเล่น หรือจินตนาการของตัวเขาเอง ด้านมนุษย์สัมพันธ์ เป็นการฝึกให้เข้าสังคม ได้แสดงออก พูดคุย โต้ตอบในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยท่าทางการแสดงออกที่สุภาพเหมาะสม ด้านการเข้าใจตนเอง ฝึกโดยให้รู้จักการคิดวิเคราะห์ ไตร่ตรอง หาเหตุและผล ตลอดจนสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสม และด้านรู้จักธรรมชาติ ให้ลูกๆ ได้มีเวลาอยู่กับธรรมชาติ สังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว โดยสามารถจำแนกลักษณะต่างๆ ที่พบเห็นออกเป็นกลุ่มๆ ได้
ที่มา : http://www.bejame.com/article/2331
เข้าชม : 7484
|